Custom Search

วันอังคารที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2553

ทับทิมไม้มงคลมากสรรพคุณ

ไม่ใช่อัญมณีสีชมพูเข้ม และไม่ใช่ทับทิมกรอบ แต่เป็นผลไม้ที่ชื่อว่าทับทิม ไม้ผลทรงกลมหน้าตาบ้านๆ จนบางคนคิดว่าเป็นผลไม้ไทย
แต่ถ้าถามลูกจีนก็เข้าใจว่าเป็นผลไม้จีนเพราะเห็นบ่อยๆ เวลาไหว้เจ้า แต่ที่ไหนได้ เจ้าผลไม้ชนิดนี้กลับมีต้นกำเนิดจากดินแดนเอเชียตะวันตกเฉียงใต้มาแต่ครั้งโบราณกาล ก่อนจะแพร่กระจายขยายพันธุ์ไปทั่วประเทศแถบอาร์เมเนีย, อาเซอร์ไบจัน, อิหร่าน, ตุรกี, อัฟกานิสถาน, ปากีสถาน และแถบภาคเหนือของอินเดีย
จากนั้นจึงมีการนำเมล็ดพันธุ์มาปลูกแถวบ้านเรา รวมทั้งพื้นที่ในแถบแอฟริกา ขณะที่ละตินอเมริกาและแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ รับเอาเมล็ดพันธุ์ของพืชชนิดนี้ไปลองปลูกบ้าง หลังจากที่ชาวสเปนอพยพไปตั้งถิ่นฐานในปี 1769 เป็นอันว่าเจ้าผลไม้ชนิดนี้มีปลูกกันแทบจะทั่วโลก
และถึงทับทิมจะมีหลายสายพันธุ์ แต่ส่วนใหญ่มีลักษณะคล้ายกันคือเป็นไม้พุ่มขนาดกลาง สูงราวๆ 4-6 เมตร ทรงพุ่มโปร่ง มีหนามแหลมตามกิ่งก้าน ใบเดี่ยวขนาดเล็ก ดอกสีแดงหรือขาว ผลกลม เส้นผ่าศูนย์กลาง 6-10 เซนติเมตร เมื่อแก่จัดเปลือกผลสีเหลืองอมแดง บางพันธุ์ออกโทนน้ำตาลอมส้ม ไปจนถึงพันธุ์ที่มีสีแดงจัด เมื่อผ่าออกจะมีเมล็ดมากมายอยู่ภายใน ลักษณะเมล็ดมีเนื้อใสสีแดงหรือชมพูหุ้มอยู่แต่ละเมล็ด เนื้อทับทิมมีน้ำมาก รสหวานหรือเปรี้ยวอมหวาน
ทับทิมเป็นผลไม้ที่มีบทบาทในตำนานของดินแดนต่างๆ ด้วย มีไม่น้อยที่ทับทิมถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของการเกิด ด้วยเมล็ดเล็กๆ มากมายที่ถูกมองเป็นความสามารถในการเจริญพันธุ์ และการมีชีวิตชั่วนิรันดร์ ชาวกรีกถึงกับใช้ทับทิมในงานแต่งงานโดยถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของการดำรงเผ่าพันธุ์
ชาวจีนถือว่าต้นทับทิมเป็นไม้มงคล โดยเฉพาะทับทิมดอกสีขาวเป็นสักญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์และการมีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง กิ่งใบทับทิมเป็นไม้มงคลที่ถูกใช้ทุกงาน โดยมีการปักยอดทับทิมไว้ที่ของไหว้เจ้า
ส่วนที่อินเดีย ทับทิมถูกบรรจุในตำราการแพทย์แผนโบราณ 'อายุรเวช' มาเป็นพันๆ ปี โดยมีการบันทึกไว้ชัดเจนถึงสรรพคุณแก้ท้องร่วง รักษาอหิวาห์ และฆ่าเชื้อในลำไส้ น้ำทับทิมใช้ดื่มเพื่อบำรุงหัวใจและแก้เจ็บคอ แถมยังใช้หยอดตาแก้โรคต้อได้อีกด้วย
ขณะที่แพทย์แผนไทยใช้ทับทิมทั้งต้น หรือที่เรียกกันว่า 'ทับทิมทั้งห้า' เป็นยาระบาย หรือถ่ายพยาธิเส้นด้าย ส่วนใบใช้สมานแผล แก้ท้องร่วง น้ำต้มใบใช้อมกลั้วคอ และทำยาล้างตา ดอกใช้ห้ามเลือด เปลืองผลใช้สมานแผล แก้บิด แก้ท้องร่วง เนื้อหุ้มเมล็ดแก้โรคลักปิดลักเปิดและแก้กระหายน้ำ
การทดลองทางวิทยาศาสตร์ของยุคปัจจุบันช่วยยืนยันว่าตำรับยาแผนโบราณไม่ใช่แค่เชื่อตามๆ กันมา แต่นักวิจัยค้นพบว่าเปลือกทับทิมมีสารกลุ่มแทนนินสูงถึงร้อยละ 22-25 ซึ่งประกอบด้วยสารกลุ่ม แกลโลแทนนิน (gallotannin) และเอลลาจิแทนนิน (ellagitannin) ปริมาณสูง เปลือกทับทิมตากแห้งใช้เป็นยาแก้ท้องเดินและโรคบิดได้
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล แนะนำสูตรการใช้ทับทิมเพื่อรักษาอาการท้องเสียไว้ว่าให้นำเปลือกทับทิมต้มกับน้ำเดือด ดื่มทุก 4 ชั่วโมง ครั้งละ 1-2 ช้อนชาสำหรับเด็ก และ 1 ช้อนโต๊ะสำหรับผู้ใหญ่
นอกจากนี้ สารกลุ่มเอลลาจิแทนนินจากเปลือกผลทับทิมมีฤทธิ์ต่อต้านการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งกว่า 13 ชนิด ได้แก่ มะเร็งผิวหนัง มะเร็งลำไส้ มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งตับ เป็นต้น
ยังมีนักวิจัยที่เรียงแถวหน้ากระดานออกมายืนยันสรรพคุณของทับทิมกันอย่างระเบ็งเซ็งแซ่ ไม่ว่าจะเป็นการเป็นแหล่งวิตามินซี น้ำทับทิม 1 แก้วมีวิตามินซีร้อยละ 40 ของความต้องการของผู้ใหญ่ในหนึ่งวัน รวมไปถึงวิตามินเอ อี และกรมโฟลิกในปริมาณสูง
น้ำทับทิมยังมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ เพราะมีสารกลุ่ม โพลีฟีนอล ที่สามารถยับยั้งปฏิกิริยาต้านอนุมูลอิสระของไขมันที่ไม่ดี หรือ LDL-C, low densitylipoprotein cholesterol) ลดการสร้างโฟมเซลล์และลดการแข็งตัวของหลอดเลือด และยังมี แอนโทไซยานิน ในปริมาณสูง น้ำทับทิมปริมาณเท่ากับมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระเป็น 3 เท่าของไวน์แดงและชาเขียว และสูงกว่าน้ำผลไม้ชนิดอื่น
นอกจากการรับประทานที่เอื้อต่อการมีสุขภาพดี น้ำทับทิมยังมีคุณสมบัติด้านความงาม ใช้น้ำทับทิมประมาณ 1 ช้อนชาทาบนใบหน้า ทิ้งไว้ 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น จะช่วยให้ผิวหน้าใสเด้งเต่งตึง
สรรพคุณมากมาย กินก็ได้ทาก็ได้ แถมปลูกขึ้นง่าย ถ้าที่บ้านพอมีที่ทาง หามาปลูกไว้สักต้นเสริมมงคลให้ครอบครัวดีอีกด้วย

ป้ายกำกับ: , , ,

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

สมัครสมาชิก ส่งความคิดเห็น [Atom]

<< หน้าแรก